วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2552




ความ(มัก)เข้าใจผิดเกี่ยวกับ "เทพแห่งวิศวกรรม"



ดร.ชนินทร์ วิศวินธานนท์




กาลครั้งหนึ่ง...นานมาแล้ว...


"ยังมีปราสาทสีแดง ดังศิลาแลง งดงามเด่นแซง แหล่งเมืองชมพู...

วิษณุเทพเทวัญ ดังบิดรอัน ทุกคนผูกพัน มั่นในวิญญาณ์... เทพองค์นี้ให้เราเกิดมา

รักงานทางช่างกว้างไกล..."


บทเพลงประจำคณะ ที่นิสิตวิศวฯ จุฬาฯ ทุกคนต้องร้องได้เพลงนี้

รวมถึงชื่อค่าย "วิษณุบุตร" ของกิจการนิสิต หรือแม้แต่ชื่อทีมกีฬาบุคลากรของคณะวิศวฯ

บางปีที่ใช้ว่าทีม "วิษณุ" แสดงให้เห็นว่ายังมีการเข้าใจผิดเกี่ยวกับ "ครูช่าง"

ที่แท้จริงของชาววิศวฯ



คนไทยเรารู้จักคุ้นเคยชื่อพระวิษณุกันดี ในฐานะที่เป็นหนึ่งใน ๓ เทพองค์สำคัญของศาสนาฮินดู ได้แก่

พระพรหม พระวิษณุ และพระศิวะ ทำให้เราเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าเทพแห่งวิศวกรรมคือพระวิษณุ




แต่ความจริงแล้ว เทพแห่งวิศวกรรม คือ "พระวิศวกรรมา" ที่คนไทยเรานิยมเรียกสั้น ๆ ว่า

"พระวิศวกรรม" หรือเรียกตามความคุ้นเคย(ซึ่งพ้องกับชื่อของพระวิษณุ)ว่า

"พระวิษณุกรรม" บ้าง หรือเรียกแผลงเป็น "พระเพชฉลูกรรม" บ้าง

"ท้าววิสสุกรรม" บ้าง หรือ "ท้าวเวสสุกรรม" บ้าง ฯลฯ




การที่คนไทยเราเรียกพระวิศวกรรมา ว่า "พระวิษณุกรรม" และในที่สุดก็กร่อนลงเหลือเพียง

'พระวิษณุ' ซึ่งเป็นชื่อของเทพที่คนไทยเรารู้จักมักคุ้นกันมากกว่า ดังที่ได้กล่าวแล้วข้างต้นนี่เอง

ทำให้หลายคนเข้าใจว่าพระวิษณุเป็นเทพแห่งวิศวฯ ซึ่งเป็นความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน


กล่าวสำหรับ เทพแห่งวิศวฯ ตัวจริง คือ พระวิศวกรรมา หรือพระวิษณุกรรม นั้น

ท่านเป็นทั้งสถาปนิกและวิศวกรที่มีความชำนาญงานช่างทุกแขนง



ในตำนานพุทธศาสนาเล่าว่า

ท่านเป็นผู้สร้างอาศรมให้แก่พระโพธิสัตว์หลายพระองค์(ก่อนที่จะอุบัติเป็นพระพุทธเจ้า)

เป็นผู้สร้างบันไดเงิน บันไดทอง บันไดแก้ว ทอดจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ลงมายังโลกมนุษย์ที่เมืองสังกัสสนคร ซึ่งเป็นเส้นทางที่พระพุทธเจ้าใช้เสด็จลงจากสวรรค์ชั้นดาวดึงส์(หลังจากเสด็จขึ้นไปโปรดพุทธมารดาบนสวรรค์ ในช่วงเข้าพรรษา) นอกจากจะเป็นสถาปนิกและเป็นวิศวกรด้านโยธาและสำรวจ ดังจะเห็นได้จากผลงาน ๒ ประการที่ว่านี้แล้ว พระวิศวกรรมายังเป็นวิศวกรเครื่องกลอีกด้วย กล่าวคือ ท่านเป็นผู้สร้างวาฬสังฆาตยนต์ ซึ่งเป็นกงล้อหมุนรอบองค์พระสถูป ปกปักรักษาป้องกันมิให้บุคคลเข้าใกล้พระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า เมื่อครั้งที่พระเจ้าอชาตศัตรูได้รับส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุหลังพุทธปรินิพพานและอัญเชิญไปประดิษฐานไว้ในองค์พระสถูปที่ว่านี้[]




ส่วนตามตำนานฮินดู พระวิศวกรรมาก็มีผลงานเด่นๆ สรรค์สร้างไว้มากมาย เช่น ครั้งหนึ่ง ธิดานางหนึ่งของท่าน ชื่อว่านางสัญชญา เป็นชายาของพระอาทิตย์ บ่นให้พระวิศวกรรมาผู้เป็นพ่อฟังว่า

พระอาทิตย์สามีของตนนั้นช่าง "ร้อนแรง" เหลือเกิน เข้าใกล้ไม่ค่อยได้ พระวิศวกรรมาสงสารลูกสาว จึงช่วยเหลือ โดยไปขูดผิวพระอาทิตย์ออกเสียบางส่วน ทำให้ความร้อนแรงนั้นทุเลาลงไปบ้าง และผิวพระอาทิตย์อันมีรัศมีเจิดจ้าที่ขูดออกมาได้นั้น พระวิศวกรรมาได้นำไปรังสรรค์-ปั้น-แต่ง แล้วถวายให้เป็นอาวุธทรงอานุภาพและมีประกายแวววาวแก่เทพองค์สำคัญของสวรรค์ชั้นฟ้า ได้แก่ อาวุธ


"ตรีศูล" (สามง่าม) ของพระอิศวร "จักราวุธ" (กงจักร) ของพระนารายณ์

"วชิราวุธ" (สายฟ้า)[] ของพระอินทร์ "คทาวุธ" (กระบอง) ของท้าวกุเวร และ

"โตมราวุธ" (หอก) ของพระขันทกุมาร เป็นต้น[]




ผลงานอื่น ๆ ของท่านที่สำคัญ ๆ ได้แก่ เป็นผู้สร้างกรุงลงกาให้แก่ทศกัณฐ์ในเรื่องมหากาพย์รามายณะ สร้างกรุงทวารกาให้แก่พระกฤษณะ(ซึ่งเป็นอวตารปางหนึ่งของพระนารายณ์)ในเรื่องมหากาพย์มหาภารตะ สร้างวิมานให้แก่พระวรุณ(เทพแห่งน้ำ)และพระยม(เทพแห่งความตาย)

สร้างราชรถบุษบกเป็นพาหนะให้แก่ท้าวกุเวร[] เป็นผู้ปั้นนางติโลตตมา

นางฟ้าที่สวยที่สุดนางหนึ่งบนสวรรค์[] (สวยจนทำให้พระอินทร์ผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาอย่างจุใจ กลายเป็น "ท้าวสหัสนัยน์" มีดวงตา ๑,๐๐๐ ดวง และทำให้พระพรหมผู้ปรารถนาเห็นนางติโลตตมาจากทุกด้าน กลายเป็น "ท้าวจตุรพักตร์" มี ๔ หน้า)

ฯลฯ


ผลงานเด่นอันสุดท้ายที่ใคร่อยากนำเสนอในที่นี้ ก็คือ "กรุงเทพมหานคร อมรรัตนโกสินทร ฯ มหาสถาน อมรพิมานอวตารสถิต สักกะทัตติยวิษณุกรรมประสิทธิ์" หมายถึง กรุงเทพมหานคร เมืองแห่งเทวดานั้น พระวิษณุกรรมเป็นผู้สร้าง ตามพระบัญชาของพระอินทร์


จาก

ผลงานสรรค์สร้างที่ปรากฏมากมายนี้เอง เทพองค์นี้จึงได้ชื่อว่า "วิศวกรรมา[]"

ซึ่งมีความหมายตามรูปศัพท์ว่า "ผู้ทำทุกสิ่งทุกอย่าง" (the "Universal Doer")

คือเป็น "นายช่างแห่งจักรวาล" นั่นเอง




ตำนานฮินดูกล่าวว่า พระวิศวกรรมา มีพระเนตร ๓ ดวง มีกายสีขาว ทรงอาภรณ์สีเขียว โพกผ้า มือถือคทา แต่ไทยนิยมวาดหรือปั้นรูปพระวิศวกรรมา ทรงชฎา มือถือจอบหรือผึ่ง (เครื่องมือสําหรับถากไม้ชนิดหนึ่ง รูปร่างคล้ายจอบ แต่มีด้ามสั้นกว่า) และลูกดิ่ง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ทางช่างอย่างชัดเจน


พวกช่างชาวฮินดูจะประกอบพิธีบูชาบวงสรวงพระวิศวกรรมา เพื่อขอพรให้ตนเองประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานกัน ในวันที่พระอาทิตย์ย้ายเข้าสู่ฤกษ์ภัทรบท ในวันนี้ พวกช่างจะงดใช้อุปกรณ์และเครื่องมือทางช่างทุกชนิด พวกเขามีความเชื่อว่าพระวิศวกรรมาจะเข้ามาสถิตในใจ และดลบันดาลให้พวกตนมีความคิดความอ่านที่จะสร้างสรรค์ผลงานใหม่ๆ ที่ดี มีคุณภาพอยู่เสมอ




ชาวไทยได้รับอิทธิพลทางวัฒนธรรมและการสืบทอดประเพณีบางอย่างมาจากอินเดีย

ซึ่งนับถือว่าพระวิศวกรรมาเป็นเทพแห่งช่าง เป็นผู้สรรค์สร้าง

หรือเป็นผู้ดลบันดาลให้เกิดการสรรค์สร้างประดิษฐกรรมต่าง ๆ ในโลก เราจึงบัญญัติศัพท์ภาษาต่างประเทศ "ENGINEERING" ซึ่งเป็นศาสตร์แห่งช่าง ใช้ในภาษาไทยว่า "วิศวกรรมศาสตร์" หมายถึง

"ศาสตร์ที่มีพระวิศวกรรมา(เทวดาแห่งช่าง)เป็นครู"




หวังว่า ท่านที่อ่านเรื่องนี้จนจบแล้ว จะทราบที่มาพร้อมทั้งความหมายของคำว่า "วิศวกรรมศาสตร์"

และมีความเข้าที่ถูกต้องว่า เทพแห่งวิศวกรรมที่จริงแล้ว คือ "พระวิศวกรรมา" หรือ

"พระวิษณุกรรม" (ไม่ใช่พระวิษณุ เฉย ๆ) นะครับ


เขียนโดย...

อาจารย์ ดร.ชนินทร์ วิศวินธานนท์

ภาควิชาวิศวกรรมไฟฟ้า

คณะวิศวกรรมศาสตร์

จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย


ประวัติผู้เขียน

ปริญญาตรี วิศวกรรมไฟฟ้า (B.S.E.E.) University of Minnesota, USA (2539)

ปริญญาโท วิศวกรรมไฟฟ้า (M.S.E.E.) University of Minnesota, USA (2542)

ปริญญาเอก วิศวกรรมไฟฟ้า (Ph.D.) University of Minnesota, USA (2544)

ประกาศนียบัตรภาษาบาลี (.บล.) รุ่นที่ ๑ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (2545)


- - - - -


เชิงอรรถ

[] ในสมัยต่อมา ครั้นเมื่อพระเจ้าอโศกมหาราช องค์มหาเอกอัครพุทธศาสนูปถัมภก

เสด็จมาเพื่อจะอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุไปประดิษฐานไว้ในพระวิหารที่พระองค์ทรงสร้างขึ้น

พระวิศวกรรมาก็ได้ใช้ธนูยิงลูกศรเข้าไปขัดเฟืองให้กงล้อยนต์นั้นหยุดหมุน ทำให้พระเจ้าอโศกมหาราช

สามารถเข้าไปอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุได้


[] แสดงว่า พระวิศวกรรมา ก็เป็นวิศวกรไฟฟ้าด้วย


[] ทั้งหมดนี้ แสดงว่า พระวิศวกรรมา ก็มีความชำนาญด้านวิศวกรรมเคมีและวิศวกรรมโลหการด้วย


[] แสดงว่า พระวิศวกรรมา ก็เป็นวิศวกรยานยนต์ด้วย


[] ชายาท่านหนึ่งของพระวิศวกรรมา คือ นางฆฤตาจี นั้น ก็ได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งใน ๑๑

นางฟ้าเหล่าที่สวยที่สุดบนสวรรค์เช่นกัน (เหล่านางฟ้าแถวหน้า รูปงามนามเพราะ ที่ว่านี้ รวมเรียกว่า

เหล่า "เทพกัญญา" มี ๑๑ นางได้แก่ นางเมนะกา ๑ นางสหชันยา ๑ นางกรรณิกา ๑ นางปุญชิกาสถาลา

๑ นางฤตุสถาลา ๑ นางฆฤตาจี ๑ นางปูรวจิตตี ๑ นางอุลโลจา ๑ นางปรัมโลจา ๑ นางอุรวศี ๑ และ

นางวิศวาจี ๑)


[] มาจากคำสันสกฤตว่า "วิศฺวกรฺมา" ซึ่งเป็นรูปที่แจกวิภัตติแล้วของคำว่า

"วิศฺวกรฺมนฺ" (วิศวกรรมัน) ตามหลักไวยากรณ์สันสกฤต


- - - - -


ความ(มัก)เข้าใจผิดเกี่ยวกับ "เทพแห่งวิศวกรรม"

คัดลอกจาก "วารสารช่างพูด" ฉบับที่ 4/48

วารสารข่าวรายเดือน คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

http://www2.eng.chula.ac.th/main2004_3/engtalk/engtalk.shtml



ตารางเปรียบเทียบ ความแตกต่างระหว่างพระวิษณุ และ พระวิษณุกรรม

เสนา อรุโณทัย



พระวิษณุ (พระนารายณ์)

พระวิษณุกรรม
(
พระวิศวกรรมา) องค์พ่อ


ชื่อ

พระวิษณุ หรือ หริ

พระวิษณุกรรม
พระพิษณุกรรม
เวสุกรรม
พระวิศวกรรม วิศวกรมัน
วิศวกรรมัน
เพชฉลูกรรม และ ตวัสฤ

ชื่อในเอกสารต่างประเทศ

Vishnu

Vishwakarman
Vishvakarman
Vishnukarm
Biswakarma

คำนำหน้าชื่อ

หลักฐานในอินเดีย จะมีคำนำหน้าเรียก ท่านว่า พระควาวิษณุ มาจากภาษาสันสกฤตแปลว่าพระวิษณุผู้สูงสุด (Phagava Vishnu)

ไม่มี

สถานะ

เป็นเทพสูงสุด



supreme God, Supreme Soul

เป็นเทพผู้สร้าง



The universal doer, all creator,
All Accomplishing

สถานะ

ตรีมูรติ หนึ่งในเทพสูงสุดของศาสนาฮินดู

เทพ คุรุเทพ เทวดา

พาหนะ

ครุฑ

หงส์


อาวุธในมือ


สังข์จักร คทา ธรณี และดอกบัว
ธนูศารนคะ และ พระขรรค์นนทก


ไม้วัด ผึ่ง ไม้ฉาก ลูกดิ่ง
สมุดโน้ต กาน้ำ หรือ น้ำเต้า เชือก

ลักษณะกาย

  • กายสีเขียวแก่จนถึงดำ

  • บางยุคเป็นสีขาว บางยุคเป็นสีแดง

  • มีสี่กร ทรงจักร คทา ธรณี และ ดอกบัว


  • ตำราอินเดียโบราณระบุว่ากายท่านเป็นสีขาว มี ๓ เนตร ทรงมงกุฎ และ อาภรณ์ทอง มือถือคทา

  • ตำราไทย ระบุว่ากายสีเขียว อาภรณ์ขาว โพกเศียรอย่างผู้จำศีล ถือหางนกยูงหรือถือลูกดิ่ง หรือไม้ฉากในหัตถ์ซ้าย หัตถ์ขวาถือขวาน หรือผึ่ง หรือ ไม้วัด สำหรับงานก่อสร้าง


  • รูปร่างสง่างามกำยำ ทั้งในภาพวาดและงานประติมากรรม อินเดีย ไทย และ เขมร ดูได้จาก ประติมากรรมสมัย นครวัด ศต ๑๒ จนถึงปัจจุบัน

(หมายเหตุ ถ้าจะศึกษาประติมากรรมเก่าพระวิศวกรรมาแล้ว ประติมากรรมจากเขมรจะเป็นประติมากรรมที่ค่อนข้างเก่าที่สุดในเวลานี้)

ลักษณะเทวรูป


ยืน นอน นั่ง เหาะ


มักปรากฏสี่กร และมีพระชายาอยู่เคียงข้าง


ยืน นั่ง
ศีรษะโขน

ปรากฏองค์เดียว มีสองกร ทรงงาน

ปรากฏในศาสตร์อื่นๆ


ไม่ปรากฏเป็นเทพในศาสตร์ต่าง ๆ


ปรากฏเป็นเทพ หรือ ฤาษีในศาสตร์ อื่น เช่น ดุริยศิลป์

ประติมากรรมรูปอื่น ๆ

  • ไม่มีปรากฏในรูปอื่น
    นอกจากปางต่าง ๆ ของการอาวตารทั้งสิบปาง


  • ไม่มีปรากฏในรูปศีรษะโขน

ปรากฏในพิธีไหว้ครูของ ดุริยศิลป์ในลักษณะศีรษะโขน
แบบที่ ๑ ทำเป็นหน้ามนุษย์ สีเขียวแก่ หรือเขียวใบแค สวมเทริด หรือมงกุฎยอดน้ำเต้า
แบบที่ ๒ ทำเป็นหน้ามนุษย์ สีเขียวแก่ หรือเขียวใบแค ศีรษะโล้น มีกระบังหน้าหรือโพกผ้าสี เขียนลายดอกไม้บริเวณศีรษะ นัยว่าแบบนี้แสดงถึงช่วงที่ทำงานช่างจึงไม่ทรงเครื่องประดับ แต่มักพบเห็นได้น้อยกว่าแบบแรก

พระชายา

พระนางลักษมี

พระนางฆฤตาจี

บุตร



ไม่มีข้อมูล



มีบุตรสาวสัญชยาซึ่งไปแต่งงานกับพระอาทิตย์(ฤคเวท)

คัมภีร์อ้างอิง



คัมภีรไวษณวินิกาย
หลักคำสอนเรื่องการอวตาร
คัมภีร์อุปนิษัท ใน สมัยพระเวท



คัมภีร์ฤคเวท
ตำราฮินดูโบราณ
ตำนานตามท้องถิ่น เช่น ตำนานทางพุทธศาสนา
ตำนานทางเขมร

หน้าที่

(เป็นตำรวจโลก)




คุ้มครองโลกจากเหล่าอธรรม

(เป็นวิศวกรโลก นักสร้าง นายช่าง )




สร้างโลก สร้างจักรวาล จัดวางดวงดาว(ฤคเวท)


สร้างเมือง สร้างอาวุธให้เหล่าเทพชั้นสูงรวมทั้งพระศิวะ
สร้างราชรถ สร้างนางฟ้า

เพื่อนรัก หรือทำเพื่อ


ส่วนมากจะทำตามคำสั่งของพระศิวะ


พระอินทร์ พระอินทร์มีปัญหาอะไรก็จะขอคำปรึกษาจากองค์พ่อพระวิษณุกรรมา

อิทธิฤทธิ์

(ฝ่ายบู้)



เพราะท่านเกิดจากคำอธิษฐานจิตของพระอิศวร(พระศิวะ) ให้เป็นเทพแห่งการปราบปรามสิ่งชั่วร้าย พระศิวะเลยให้พรให้พระวิษณุหรือพระนารายณ์มีอิทธิฤทธิ์ นานาประการ
ท่านเลยออกศึกบ่อย ไม่ว่าจะเป็นศึกเทพ ศึกเทวดาทุกชั้น ท่านก็จะเข้าไปจัดการเช่นปราบปราม นนทุก หรือ พฤกาสูร พระวิษณุจะไปจัดการแล้วชนะเสมอ

(ฝ่ายบุ๋น)



  • ท่านไม่ค่อยชอบทะเลาะกับใครไม่ออกศึก

  • แต่มักใช้สมองแนะนำออกแนว “How to” ให้เหล่าเทพไปปราบปรามอธรรมกันเองเสียมากกว่า

· ท่านมักใช้อิทธิฤทธิ์ ในการสร้างหรือเนรมิตงานช่าง และ งานศิลปะ สถาปัตยกรรม เช่น สร้างกรุง ลงกา กรุงทวารกา สร้างวิมานให้พระวรุณ สร้างราชรถ สร้างอาวุธไปปราบมาร ไปจนถึงการสร้างนางฟ้าที่ทำให้พระพรมต้องมีสี่หน้าเพราะนางฟ้าที่ท่านสร้างนั้นสวยมากถึงมากที่สุดจนพระพรหมต้องเสกตัวเองให้มีถึงสี่หน้าเพื่อจะได้ชื่นชมเธอได้จากทุกทิศ

การอาวตาร

(ไม่เสถียร)

มีการอวตารลงมาปราบมารถึง ๑๐ ปาง
(
อ้างอิงจากนารายณ์สิบปางของหลวงวิจิตรวาทการ หรือ ลิลิตนารายณ์สิบปาง พระราชนิพนธ์ในรัชกาลที่๖)

(เสถียร)



ไม่มีการอาวตาร


งานเกี่ยวกับจักรวาล

(ทำงานเป็นทีม)



กล่าวคือทำงานร่วมกันกับพระพรหมและ พระศิวะโดยพระพรหมเป็นผู้สร้าง
พระวิษณุเป็นผู้ปกป้องดูแลรักษาส่วนพระศิวะเป็นผู้ทำลายและเปลี่ยนแปลง(ตามความเชื่อคัมภีร์ ศาสนาฮินดู) จึงเรียกว่าเป็นตรีมูรติ

(ทำงานองค์เดียว)



เป็นผู้สร้างและจัดวางดวงดาวในจักรวาลอย่างบรรจง(ตามคัมภีร์ฤคเวท)

บทสวดมนต์

  • มักขึ้นต้นด้วย คำว่าเทพผู้คุ้มครองโลกา

  • มักมีคำเกี่ยวข้องกับพระนารายณ์ เช่น นารายณ์ราชา หรือ พาหะของพระนารายณ์ เช่น ครุฑา หรืออ้างอิงถึงพระนางลักษมีผู้เป็นชายา

  • ปัจจุบันไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับการค้นพบคำสวดในภาษาภาษาเขมร

  • มักขึ้นต้นด้วยคำว่า คุรุเทพ

  • มักมีคำที่เกี่ยวข้องด้านปัญญา เช่น เทวามหาปัญโย หรือการสร้างเช่น เนรมิต นิมิต ประติมากรรม ศิลปะ

  • ไม่มีการกล่าวถึงพระนางลักษมีในบทสวด


  • มีคำสวดภาษาเขมร

  • บางบทสวดกล่าวชื่อท่านว่าเพชรฉลูกรรม แทนวิษณุกรรมาในหมวดเทพแห่งดุริยศิลป์

การบูชา


ไม่มีข้อมูล


ในประเทศอินเดีย (Vishwakarm Puja )จะบูชาท่านในวันที่ ๑๗ กันยายน
ในรัฐเบงกอลจะทำพิธีบูชาเร็วกว่ารัฐอื่น ๆ

ผลงาน


ผลงานด้านการปราบปราม




อาวตาร มาปราบเพื่อปราบยุคเข็ญของโลก มี๑๐ปางคือ
ปางที่
๑ เป็นหมูป่า เพื่อปราบยักษ์หิรัณยักษาผู้จับโลกกดจมลงไปใต้สมุทร
๒เป็นเต่า กุรมาวตาร เพื่อกู้เอาคัมภีร์ไตรเทพคืนจากนางผีเสื้อสมุทร
๓ เป็นปลากรายทอง มุตสยาวตาร เพื่อไปสังหารสังข์อสูรที่ร่วมมือกันกับนางผีเสื้อสมุทรขโมยคัมภีร์ไตรเพท แล้วกู้คัมภีร์คืนเพื่อไปถวายพระอิศวรดังเดิม
๔เป็นลูกครึ่ง คือครึ่งสิงห์ครึ่งคน ชื่อนรสิงหาอวตาร เพื่อปราบยักษ์หิรัณยกศิปุ
๕เป็นทวิชาวตาร หรือ พรหมเตี้ย เพื่อปราบท้าวตาวัน
๖เป็นมหิงสาอวตาร หรือควาย เพื่อไปปราบอสูรควายเกเรที่ไปไล่ขวิด เขาพระสุเมร กับเหล่านางฟ้า
๗เป็นนางฟ้าชื่อนางอัปสรเพื่อปราบ นนทุกที่มีนิ้วเป็นเพชรใช้นิ้วชี้ผู้ใดผู้นั้นก็จะตาย
๘เป็นมนุษย์ ชื่อพระรามเพื่อปราบยักษ์ทศกัณฐ์
๙เป็นพระกฤษณะ เพื่อปราบกษัตริย์กังสะผู้ทารุณ
๑๐ เป็นวีรบุรุษ กัลกี หรือกัลป์กิน เรียกว่า กัลป์ยาวตาร เพื่อปราบปรามคนชั่วและสถาปนาธรรมขึ้นใหม่ในโลก















ไม่มีประวัติการสร้าง หรือจัดวางดวงดาว แต่จะเป็นผู้พิทักษ์ และ ปกปักษ์รักษามนุษย์มากกว่างานด้านจักรวาล


ผลงานด้านการสร้าง เนรมิต


สร้างอาวุธ

  • ตรีสูร

  • จักราวุธ

  • วชิราวุธ

  • คธาวุธ

  • โตมราวุธ

สร้างเมือง

  • กรุงลงกาให้แก่ทศกัณฐ์( แต่จริง ๆ แล้วสร้างให้พระศิวะ ตอนที่พระศิวะแต่งงานกับพระแม่อุมาเทวีแต่ถูกทศกัณฐ์ใช้อุบายยึดไป เพราะวัสดุก่อสร้างส่วนมากจะเป็นทองคำ)

  • กรุงทวารกาให้พระกฤษณะ

  • วิมานให้พระวรุณ

  • เมือง Hastinapur เมืองหลวงของแคว้น Kauravas และ Pandavas ตามตำนานมหาภารตะ ซึ่งหลังจากที่ชนะสงครามแล้ว พระกฤษณะให้ธรรมราชา ยศสิทฐี ขึ้นครองเมืองนี้ ต่อมา

  • สร้างวัด Puri Jagannath หรือวัดเพื่อเทพแห่งจักรวาล เป็นวัดศักดิ์สิทธิ์ของฮินดูและประกอบพิธีศักดิ์สิทธ์ให้กับองค์พรวิษณุกรรมโดยเฉพาะ วัดนี้อยู่ทางตอนเหนือของรัฐโอริสสาของอินเดีย

อื่น ๆ

  • สร้างราชรถ

  • ปั้นนางติโลตมา

  • งานด้านจักรวาล

  • สร้างและจัดวางดวงดาวในระบบสุริยจักรวาล โดยระบุไว้อย่างละเอียดในคัมภีร์ฤคเวท บทเกี่ยวกับการสร้างจักรวาล

อิทธิพล ให้เห็นผลงานที่สัมผัสได้

ไม่มีข้อมูล

  • เกิดการสร้างเมือง Hastinapur ในตอนเหนือของอินเดีย

  • เกิดการสร้างวัด Puri Jagannath วัดใหญ่ที่สำคัญของฮินดูในเมืองโอริสสาของประเทศอินเดีย

  • เกิดการสร้างปราสาท ทัชมาฮาล์ ในประเทศอินเดีย(จากเอกสารเรื่องTajmaha Paradox)

  • เกิดการสร้าง นครวัด นครธม ในประเทศกัมพูชา ใน สมัย ศต ๑๒

  • เกิดการสร้างเมืองหลวงแห่งรัตนโกสินทร์ ชื่อ กรุงเทพมหานคร อันมีสถาปัตยกรรมของวัด และ ประติมากรรมที่งดงาม กล่าวคือเป็นเมืองเดียวที่มีการใช้ทอง หรือ สีทอง หรือส่วนประกอบของทองในสถาปัตยกรรม มากที่สุด

อื่น ๆ
·
จรวดมิซไซล์ พัฒนามาจากจักราวุธที่พระวิษณุกรรมสร้าง

  • เครื่องบิน หรือ เรือเหาะ พัฒนามาจากราชรถ

  • งานทอง และ งานอัญมณีเครื่องประดับต่าง ๆ รวมทั้งเครื่องทรงของพระแก้วมรกต

  • งานช่างในแขนง ช่างเหล็ก ช่างไม้ ช่างทอง ช่างประติมากรรม และ ช่างโลหะ(Black smith, Carpenters, Goldsmith, Sculpturist, Bronz smith)

  • จักรวาล และดวงดาวต่าง ๆ ที่ท่านเห็นในทุกวันนี้ โดยเฉพาะ ดาวเหนือ


รามเกียรติ์


อาวตารมาเป็นพระรามเพื่อปราบทศกัณฐ์


เป็นผู้สร้างกรุงลงกาให้พระศิวะ ตอนหลังถูกทศกัณฐ์ยึดไป

กำเนิดพระนางลักษมี



ได้พระนางลักษมีเป็นชายา



เป็นผู้เสกเครื่องทรงให้พระนางลักษมีเมื่อพระนางกำเนิด จากนั้นพระนางลักษมีเข้าถวายตัวกับองค์พระวิษณุนารายณ์





อ้างอิง
ดร. ชนินทร์ วิศวินธานนท์ “ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับเทพแห่งวิศวกรรม” คัดลอกจาก วารสารช่างพูด ฉบับที่ ๔/๔๘ คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย http://www2Eng.chula.ac.th/main2004 3/engtalk/engtalk.shtml
มหาเทพฮินดู โดย สุชาติ กิจชัยพร (คเณฆพร)
ศาสตรแห่งพิธี บริษัท ชุณหสาส์น จำกัด
มหาเทวาธิเทวะ โดย มหาเทวะ
คนกับพระเจ้า โดย ผศ. ดร. พรหมศักดิ์ เจิมสวัสดิ์
Raina, M.K. (1999) “The Devine Creativity” The Mythical Paradigm and Lord Visvakarma in Stein, M.I., Creativity’s.,Global Correspondents 1999, Florida Winslow Press, pp75-82
http;// en.wikipedia.org/wiki/vishvakarmanW Categories; Rig Vedic deites , Hindo gods, Smithing gods, Crafts god.
http://mumbai-central.com.,re Heard of Biswakarma puja? By Ravi Menon., Harshal Chhaya, Rohit Zaveri., Mumbai Central
FreeIndia organization India site dedicated to freedom movement, education, culture published on 2003 -01-31
Retrieved from http: //britanica.com/ebchecked/topic/630869/Visvakarman



Twitter

ผู้ติดตาม

คลังบทความของบล็อก